การวิเคราะห์ผลการทดสอบการต้านทานความร้อนของฉนวน TECO PU FOAM เปรียบเทียบกับหลังคา Metal Sheet
ปัญหาความร้อนสะสมใต้หลังคาเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้พลังงานของอาคารในเขตร้อนชื้นอย่างประเทศไทย หลังคาโลหะหรือ Metal Sheet ซึ่งนิยมใช้ในอาคารอุตสาหกรรมและโกดังสินค้า มีคุณสมบัตินำความร้อนสูง ส่งผลให้เกิดการถ่ายเทความร้อนเข้าสู่อาคารในปริมาณมาก โดยเฉพาะในช่วงกลางวัน
ฉนวนกันความร้อนจึงถูกนำมาใช้เพื่อลดการถ่ายเทความร้อนดังกล่าว โดย Polyurethane Foam (PU Foam) เป็นหนึ่งในวัสดุที่ได้รับความนิยม เนื่องจากมีค่าการนำความร้อนต่ำและสามารถติดตั้งแบบพ่นต่อเนื่องโดยไม่มีรอยต่อ บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ วิเคราะห์ผลการทดสอบการต้านทานความร้อนของฉนวน TECO PU FOAM ที่ความหนา 5 มิลลิเมตร และ 10 มิลลิเมตร เปรียบเทียบกับหลังคา Metal Sheet ที่ไม่มีฉนวน
ระเบียบวิธีการทดสอบ (Test Methodology)
จากกราฟแสดงผลการทดสอบ พบว่าการวัดค่าความร้อนที่ถ่ายเทผ่านหลังคา (Roof heat gain) ถูกบันทึกในหน่วย วัตต์ต่อตารางเมตร (W/m²) ตลอดช่วงเวลาในรอบวัน ตั้งแต่เวลา 06:00 – 18:00 น.
ช่วงเวลาที่ใช้ในการประเมินผลหลัก คือ 10:00 – 14:00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่มีความเข้มรังสีดวงอาทิตย์สูงที่สุด และเป็นช่วงที่เกิดการถ่ายเทความร้อนผ่านหลังคามากที่สุดในสภาพการใช้งานจริง
วัสดุที่นำมาเปรียบเทียบประกอบด้วย:
-
หลังคา Metal Sheet (ไม่มีฉนวน)
-
หลังคาที่ติดตั้ง TECO PU FOAM ความหนา 5 มม.
-
หลังคาที่ติดตั้ง TECO PU FOAM ความหนา 10 มม.
ผลการทดสอบและการแปลผล (Results and Interpretation)
จากกราฟผลการทดสอบ สามารถสังเกตแนวโน้มได้อย่างชัดเจนว่า หลังคา Metal Sheet ที่ไม่มีฉนวนมีค่าการรับความร้อนสูงที่สุดตลอดช่วงกลางวัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาประมาณ 10:00 – 14:00 น. ซึ่งค่า Roof heat gain เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ในทางตรงกันข้าม หลังคาที่ติดตั้งฉนวน TECO PU FOAM แสดงให้เห็นถึงการลดค่าการถ่ายเทความร้อนอย่างชัดเจน โดยสามารถสรุปผลเชิงปริมาณได้ดังนี้
TECO PU FOAM ความหนา 5 มม.
-
ลดการถ่ายเทความร้อนได้ประมาณ 27% เมื่อเปรียบเทียบกับหลังคา Metal Sheet
-
แสดงให้เห็นว่าการเพิ่มชั้นฉนวนแม้มีความหนาไม่มาก ก็สามารถลดปริมาณความร้อนที่เข้าสู่อาคารได้อย่างมีนัยสำคัญ
-
เหมาะสำหรับอาคารที่มีข้อจำกัดด้านงบประมาณหรือโครงสร้าง
TECO PU FOAM ความหนา 10 มม.
-
ลดการถ่ายเทความร้อนได้สูงถึงประมาณ 67%
-
แสดงถึงประสิทธิภาพการต้านทานความร้อนที่เพิ่มขึ้นแบบไม่เป็นเชิงเส้น (Non-linear improvement) เมื่อเพิ่มความหนาของฉนวน
-
ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนในช่วงเวลาที่มีความร้อนสูงสุดของวัน
ผลการทดสอบนี้สะท้อนให้เห็นว่า ความหนาของฉนวน PU Foam มีผลโดยตรงต่อการลดการถ่ายเทความร้อนผ่านหลังคา
การวิเคราะห์เชิงวิศวกรรม (Engineering Analysis)
คุณสมบัติเด่นของ PU Foam อยู่ที่ โครงสร้างเซลล์ปิด (Closed-cell structure) ซึ่งสามารถกักเก็บอากาศภายในโฟม ทำให้ค่าการนำความร้อนต่ำ เมื่อฉนวนถูกพ่นให้แนบสนิทกับผิวหลังคา จะช่วยลดการถ่ายเทความร้อนในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่
-
การนำความร้อน (Conduction)
ลดการส่งผ่านความร้อนจากแผ่นโลหะสู่พื้นที่ภายใน -
การพาความร้อน (Convection)
ลดการไหลเวียนของอากาศร้อนผ่านช่องว่างใต้หลังคา -
การแผ่รังสีความร้อน (Radiation)
ลดพลังงานความร้อนที่แผ่เข้าสู่อาคารในช่วงแดดจัด
การที่ TECO PU FOAM ความหนา 10 มม. ให้ผลการลดความร้อนสูงถึง 67% แสดงให้เห็นว่า การเพิ่มความหนาฉนวนช่วยเพิ่มความต้านทานความร้อน (Thermal Resistance) อย่างมีประสิทธิภาพ และเหมาะสำหรับอาคารที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิอย่างจริงจัง
ผลกระทบต่อการใช้พลังงานของอาคาร
การลดการถ่ายเทความร้อนผ่านหลังคาส่งผลโดยตรงต่อภาระการทำงานของระบบปรับอากาศ เมื่อปริมาณความร้อนที่เข้าสู่อาคารลดลง:
-
เครื่องปรับอากาศทำงานน้อยลง
-
ใช้พลังงานไฟฟ้าลดลง
-
อุณหภูมิภายในอาคารมีเสถียรภาพมากขึ้น
ในอาคารอุตสาหกรรมและโกดังสินค้าที่มีพื้นที่หลังคาขนาดใหญ่ ผลของการลดความร้อนระดับ 67% สามารถแปลงเป็นการลดต้นทุนพลังงานได้อย่างมีนัยสำคัญในระยะยาว
สรุป
จากการวิเคราะห์ผลการทดสอบ สามารถสรุปได้ว่า:
-
หลังคา Metal Sheet ที่ไม่มีฉนวนมีการถ่ายเทความร้อนสูงที่สุด
-
การติดตั้ง TECO PU FOAM ความหนา 5 มม. สามารถลดความร้อนได้ในระดับที่เห็นผล
-
การเพิ่มความหนาเป็น 10 มม. ช่วยลดการถ่ายเทความร้อนได้สูงถึง 67% ซึ่งเหมาะสำหรับอาคารที่ต้องการประสิทธิภาพการกันความร้อนสูง
ผลการทดสอบนี้ยืนยันว่า TECO PU FOAM เป็นฉนวนกันความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับหลังคา Metal Sheet และเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับอาคารอุตสาหกรรมและอาคารขนาดใหญ่ในสภาพอากาศร้อนชื้น








